ตัวการที่ทำให้เกิดปัญหาผิวที่ร้ายแรง และการใช้ชีวิตประจำวันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้นั่นคือแสงแดด ที่ส่งผลต่อปัญหาผิวของเราโดยตรง จากรังสี หรือความร้อนที่เกิดขึ้น แต่หนึ่งในตัวช่วยที่สามารถช่วยป้องกันอันตรายจากแสงแดดได้นั้นคือ ครีมทากันแดด แต่หลายคนอาจจะหลากรู้และทำความเข้าใจว่าครีมกันแดด คืออะไร? และครีมกันแดดนั้นมีกี่ประเภท?
โดยบทความนี้ Dermageneration จะพาไปทำความรู้จัก ไขข้อสงสัยเรื่องของครีมกันแดดอย่างครบถ้วน ส่วนผสมที่มักจะใช้ในครีมกันแดด รวมถึงแชร์วิธีการเลือกครีมกันแดดอีกด้วย
ครีมกันแดด คืออะไร?

ครีมกันแดด (Sunscreen cream) คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทาสำหรับผิวหนัง โดยมีส่วนผสมของสารกันแดด ที่มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวไม่ให้เป็นอันตรายจากแสงแดด โดยตัวการสำคัญอย่างรังสี UV หรือรังสีอัลตราไวโอเลต ที่จะทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ และทำให้เกิดเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ อีกทั้งยังสามารถปกป้องผิวจากแสงของหลอดไฟ หรือหน้าจอโทรศัพท์ได้อีกด้วย
ทำไมต้องทาครีมกันแดด?
ทำไมต้องทาครีมกันแดด เพราะรังสี UV ที่อยู่ในแสงแดดนั้นอันตรายกว่าที่คิด เป็นตัวการที่ทำให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น กระตุ้นการสร้างเม็ดสีใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวของเรานั้นหมองคล้ำ เกิดเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยตามมา และหากไม่มีการป้องกันด้วยครีมกันแดด เมื่อได้รับรังสี UV สะสม ก็สามารถเกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย
ครีมกันแดด มีทั้งหมดกี่ประเภท? ประเภทอะไรบ้าง

ครีมกันแดดสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท หลัก ๆ โดยแต่ละประเภทก็จะเหมาะกับการใช้งาน หรือเหมาะกับผิวที่ต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน โดยแบ่งออกได้ดังนี้
1. ประเภทสะท้อนรังสี (Physical Sunscreen)
ประเภทแรกคือครีมกันแดดสะท้อนรังสี หรือ Physical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่ทำหน้าที่ในการสะท้อนรังสี UVA และ UVB จากแสงแดดไม่ให้เข้าไปในผิวหนัง โดยครีมกันแดดประเภทนี้จะมีเนื้อครีมที่ค่อนข้างหนัก เพราะครีมจะไม่ซึมเข้าไปในผิว จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวที่แพ้ง่าย ไม่ต้องทาซ้ำบ่อย ๆ ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน
2. ประเภทดูดซับรังสี (Chemical Sunscreen)
ประเภทที่สองคือครีมกันแดดดูดซับรังสี หรือ Chemical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติในการดูดซับรังสีไว้ไม่ให้ทะลุเข้าสู่ผิวหนังของเรา โดยสามารถดูดซับรังสี UVB ได้ทั้งหมด ส่วนรังสี UVA นั้นสามารถดูดซับได้บางส่วน แต่ครีมกันแดดประเภทนี้ต้องทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อคงประสิทธิภาพ เพราะมีเนื้อที่บางเบา จึงไม่ค่อยเหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือระคายเคืองง่าย
3. ประเภทผสม (Hybrid Sunscreen)
ประเภทที่สามครีมกันแดดประเภทผสม หรือ Hybrid Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่ผสมระหว่าง Physical Sunscreen และ Chemical Sunscreen เข้าด้วยกัน จึงมีคุณสมบัติที่ช่วยทั้งสะท้อนรังสี และดูดซับรังสีไว้ในตัวเดียวกัน จึงเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยลดโอกาสในการแพ้ครีมได้ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
หากผู้ประกอบการยังสงสัยเกี่ยวกับประเภทของครีมกันแดด เราได้สรุปไว้แล้วอย่างเข้าใจง่าย ๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้เลยค่ะ
ส่วนผสมที่นิยมใช้ในครีมกันแดด มีอะไรบ้าง?

ส่วนผสมที่มักจะนิยมใช้ หรือนิยมนำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตครีมกันแดดนั้นมีหลากหลายชนิด โดยส่วนผสมที่มักเป็นที่นิยมนั้นมีดังต่อไปนี้
- สารกันแดด (Sunscreen Agents) ส่วนประกอบหลักที่ต้องมีคือ สารกันแดด โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ สารกันแดดแบบกายภาพ และสารกันแดดแบบเคมี
- สารกันแดดแบบกายภาพ (Physical Sunscreen) เป็นสารกันแดดที่มาจากธรรมชาติ ไม่ทำให้ผิวอุดตัน มีคุณสมบัติช่วยในการสะท้อนรังสี UVA และ UVB ให้กระจายออกไปจากผิว โดยสารที่นิยมใช้บ่อย ได้แก่ Titanium Dioxide และ Zinc Oxide
- สารกันแดดแบบเคมี (Chemical Sunscreen) เป็นสารกันแดดที่มีส่วนผสมทางเคมีอย่างคาร์บอน มีคุณสมบัติที่ช่วยในการดูดซับรังสี UV ให้เข้ามาในสารกันแดด และเปลี่ยนเป็นความร้อนก่อนเข้าสู่ผิวแทน โดยสารที่มักจะนิยมนำมาใช้ ได้แก่ Ethylhexyl Methoxycinnamate, Ethylhexyl Salicylate, Ethylhexyl Triazone และ Octocrylene เป็นต้น
- สารบำรุงผิว (Skin Care Ingredients) เป็นสารที่มีคุณสมบัติที่ช่วยในการบำรุงผิว ช่วยฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพดี โดยสารที่มักจะนิยมใช้ ได้แก่ วิตามิน C, E, Niacinamide เป็นต้น
- สารให้ความชุ่มชื้น (Moisturizers) เป็นสารที่มีคุณสมบัติที่ช่วยไม่ให้ผิวมีความแห้งกร้าน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยสารที่มักจะนิยมใช้ ได้แก่ Hyaluronic Acid, Aloe Vera Extract และ Glycerin
- สารที่ช่วยเพิ่มเนื้อสัมผัส (Texture Enhancers) เป็นสารที่ช่วยปรับเรื่องของเนื้อสัมผัสของครีมให้มีความเหมาะสม หรือช่วยทำให้เนื้อสัมผัสนั้นมีความบางเบา สามารถเกลี่ยได้ง่าย
- สารอื่น ๆ ในครีมกันแดดสามารถใช้สารอื่น ๆ ร่วมด้วยได้ เพื่อให้ครีมกันแดดนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น สารช่วยป้องกันน้ำและเหงื่อ สารกันเสีย หรือ สารป้องกันการระคายเคืองผิว เป็นต้น
ข้อดีของครีมกันแดด มีประโยชน์ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

ครีมกันแดดนั้นตัวช่วยในการป้องกันปัญหาผิวจากแสงแดดได้เป็นอย่างดี โดยมีข้อดี และประโยชน์ดังต่อไปนี้
- ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหมองคล้ำ จากการกระตุ้นการสร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังจากรังสี UV
- ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผิวอย่าง ฝ้า กระ จุดด่างดำ
- ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอย และผิวหนังเหี่ยวย่น จากการทำลายคอลลาเจนในผิวหนังจากรังสี UVA
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนัง จากการที่ผิวมีการสะสมรังสี UVB เพราะครีมกันแดดจะมี SPF ที่สามารถช่วยป้องกันได้
- ช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น และดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
- ช่วยรักษาสภาพผิวให้มีผิวที่ดีในระยะยาว จากการที่ไม่ถูกทำร้ายจากแสงแดด
ครีมกันแดด นิยมทาใช้บริเวณไหนบ้าง?

ครีมกันแดดนั้นสามารถทาได้หลากหลายบริเวณ โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวหนังมีการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง โดยครีมกันแดดนั้นมักจะนิยมทาหรือใช้ในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายดังต่อไปนี้
- ครีมกันแดด ทาหน้า
บริเวณที่เป็นที่นิยมมากที่สุด คือ การทาครีมกันแดดบริเวณใบหน้า เพราะเป็นบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดด หรือโดนรังสี UV บ่อยที่สุด อีกทั้งเป็นบริเวณที่มักจะเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ มากที่สุด อย่างเช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงปัญหาริ้วรอยก่อนวัย - ครีมกันแดด ทาแขนและหลังมือ
อีกหนึ่งบริเวณที่มักจะเป็นที่นิยมคือบริเวณแขน และหลังมือ เพราะเป็นบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรง จากการออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือการสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่ได้ปกปิดบริเวณแขน หรือระหว่างขับรถที่มือต้องจับพวงมาลัย - ครีมกันแดด ทาขาและเท้า
บริเวณขา และเท้า ก็เป็นบริเวณที่นิยมทาครีมกันแดดเช่นกัน เพราะเป็นบริเวณที่โดนแสงแดด หากมีการสวมใส่กางเกงที่ไม่ปกปิดผิวหนัง หรือมีการสวมรองเท้าแตะ ที่ทำให้ผิวหนังนั้นโดนกับแสงแดดโดยตรง - ครีมกันแดด ทาคอ
เป็นบริเวณที่นิยมทาครีมกันแดด แต่หลาย ๆ คนมักจะมองข้าม เพราะบริเวณคอนี้เป็นบริเวณที่มักจะสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเช่นกัน เพราะเป็นส่วนที่ติดกับใบหน้า เวลาออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือต้องออกไปสัมผัสแสงแดด - ครีมกันแดด ทาหู
ใบหูเป็นบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นบริเวณที่ผิวนั้นมีความบอบบาง และไวต่อแสงแดด จึงเป็นอีกบริเวณที่มักจะนิยมทาครีมกันแดดด้วย - ครีมกันแดด ทาริมฝีปาก
บริเวณที่มักจะได้รับความนิยมในการทากันแดด คือบริเวณริมฝีปาก โดยมักจะทาลิปบาล์มที่มี SPF ที่สามารถป้องกันรังสี UV จากแสงแดดได้ เพราะปากนั้นก็เป็นบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเช่นกัน
แชร์วิธีการเลือกครีมกันแดด

การเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็น เพราะจะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Dermageneration จะมาแชร์วิธีการเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับผิว และเพื่อสุขภาพผิวที่ดียิ่งขึ้น โดยมีวิธีการเลือกครีมกันแดดดังต่อไปนี้
1. ค่า SPF
ค่า SPF เป็นหนึ่งในค่าที่ควรนำมาพิจารณาในการเลือกครีมกันแดด โดยค่า SPF เป็นค่าที่บอกถึงความสามารถในการป้องกันรังสี UVB จากแสงแดด โดยที่ควรเลือกจากค่า SPF 30 ขึ้นไป หรือหากเป็นแดดในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะใช้ค่า SPF 50 ที่จะสามารถป้องกันแสงแดดได้อย่างดี
บทความที่ต้องรู้เพิ่มเติม: SPF คืออะไร? ค่ายิ่งสูงยิ่งดีจริงไหม? ทำไมครีมกันแดดจำเป็นต้องมี?
2. ค่า PA
ค่า PA เป็นค่าที่บอกถึงความสามารถในการป้องกันผิวจากรังสี UVA โดยควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า PA 1 บวก ขึ้นไป และส่วนใหญ่นั้นมักจะนิยมใช้ครีมกันแดดที่มี PA+++ ขึ้นไป เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดดให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง
บทความเจาะลึกเรื่องPA: ค่า PA ในครีมกันแดดคืออะไร? ทำไมจึงสำคัญ แล้วค่า PA แต่ละค่ามีความแตกต่างกันอย่างไร?
3. ค่าการกันน้ำ
ค่าการกันน้ำในครีมกันแดด เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถนำมาพิจารณาได้ เนื่องจากหากต้องสัมผัสกับแสงแดดแล้ว ก็มีโอกาสเกิดเหงื่อบนผิว หากครีมกันแดดสามารถกันน้ำ กันเหงื่อได้ ก็จะทำให้ยังคงประสิทธิภาพในการป้องกันผิวได้ โดยหากมีการระบุว่า Water Resistant นั้นแปลว่าสามารถกันน้ำได้ 40 นาที หรือหากเป็น Vary Water Resistant แปลว่ากันน้ำได้ 80 นาที
4. สภาพผิว
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือการเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว เพราะสภาพผิวของแต่ละคนนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ครีมกันแดดจึงแตกต่างกันไปด้วย ตัวอย่างเช่น
- ผิวแห้ง
คนที่มีผิวแห้ง เป็นคนที่มีน้ำมันบนผิวน้อย ขาดความชุ่มชื้น ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว เช่น ครีมกันแดดเนื้อครีม - ผิวมัน
คนที่มีผิวมัน เป็นคนที่มีน้ำมันส่วนเกินในผิวมากกว่าปกติ หากใช้ครีมกันแดดเนื้อหนัก อาจยิ่งทำให้เกิดความมันเพิ่มมากขึ้นได้ จึงเหมาะกับการใช้ครีมกันแดดที่มีเนื้อสัมผัสที่บางเบา เช่น ครีมกันแดดเนื้อเจล หรือ ครีมกันแดดเนื้อน้ำนม เป็นต้น - ผิวผสม
สำหรับผู้ที่มีผิวผสมระหว่างผิวแห้ง และผิวมันนั้นสามารถใช้ครีมกันแดดได้ทั้งรูปแบบเนื้อครีม และรูปแบบเนื้อเจลได้ แต่ก็ไม่ควรเลือกใช้เนื้อครีมที่หนักเกินไป เพราะผิวยังมีความมันอยู่ อาจทำให้เกิดการอุดตันได้ - ผิวแพ้ง่าย
สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือผู้ที่มีผิวระคายเคืองง่ายนั้น ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่ไม่มีส่วนผสมของสารก่อภูมิแพ้ หรือสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือพาราเบน เป็นต้น
5. เลือกให้เหมาะกับกิจวัตรประจำวัน

กิจวัตรประจำวันของแต่ละบุคคลก็มีความแตกต่างกัน จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นำมาพิจารณาในการเลือกครีมกันแดดได้ เช่น
- ผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง: ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่สูง เพื่อป้องกันแสงแดดให้ได้มากที่สุด อีกทั้งยังต้องใช้ครีมกันแดดแบบสเปรย์ทุก 1-2 ชั่วโมง ในระหว่างวันอีกด้วย
- ผู้ที่ทำงานในออฟฟิศ หรือในบ้าน: อาจจะไม่เจอแสงแดดมาก อาจจะใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ถึง SPF 50 ได้ หรืออาจจะทาครีมกันแดดเพิ่มระหว่างวัน ก็เพียงพอ
แนะนำวิธีการใช้ครีมกันแดด

การใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธี เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การปกป้องผิวจากแสงแดดนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีวิธีการใช้ครีมกันแดดดังนี้
- ทาครีมกันแดดก่อนออกแดด
ควรทาครีมกันแดด ก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-30 นาที เพื่อให้ครีมกันแดดนั้นซึมเข้าสู่ผิวหนัง และทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ - ทาในปริมาณที่เหมาะสม
ทาครีมกันแดดในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด โดยควรใช้ประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ สำหรับทาที่บริเวณใบหน้าและลำคอ ส่วนหากทาบริเวณตัว ใช้ประมาณ 1-2 ขนาดเหรียญสิบ - ทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า และลำคอ
ทาครีมกันแดดให้ทั่วบริเวณที่ไม่ได้ปกปิดด้วยเสื้อผ้า อย่างใบหน้า และลำคอ รวมถึงบริเวณอื่น ๆ อย่าง ใบหู หลัง เป็นต้น - ทาครีมกันแดดซ้ำระหว่างวัน
ควรทาครีมกันแดดซ้ำระหว่างวันในทุก 2 ชั่วโมง หรือหลังจากที่เหงื่อออก หรือเปียกน้ำ เพื่อให้การป้องกันแสงแดดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง - เลือกครีมกันแดดให้เหมาะสม
ควรเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับผิว และควรเลือกที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป รวมถึงมีคุณสมบัติที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB
ข้อควรระวังสำหรับการใช้ครีมกันแดด มีอะไรบ้าง?

ถึงแม้ว่าครีมกันแดดนั้นสามารถช่วยป้องกันผิวไม่ให้เกิดปัญหาจากการถูกแสงแดดทำร้าย แต่อย่างไรก็ตามการใช้ครีมกันแดดนั้นก็มีข้อที่ต้องควรระวังบางอย่าง ดังนี้
- การใช้ครีมกันแดด อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง: เนื่องจากครีมกันแดดอาจมีส่วนผสมบางตัวที่ทำให้ผิวเกิดการแพ้สารต่าง ๆ ได้ง่าย หากมีอาการแนะนำว่าควรล้างออก และหยุดใช้ และรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสม
- ครีมกันแดดอาจทำให้ลดการผลิตวิตามิน D ของผิวหนัง: เพราะผิวหนังนั้นสามารถผลิตวิตามิน D ได้จากการโดนแสงแดด หากมีการใช้ครีมกันแดด จะทำให้ผิวไม่สามารถผิดวิตามิน D ได้ แต่สามารถรับประทานอาหารเสริม เพื่อเสริมสร้างวิตามินให้ร่างกายได้
- การใช้ครีมกันแดด อาจทำให้เกิดสิว: จากสารบางตัวในส่วนผสมของครีมกันแดดที่อาจก่อให้เกิดการอักเสบของผิวได้
- ครีมกันแดดอาจทำให้มีคราบเหลืองติดตามเสื้อผ้า: จากการที่เหงื่อออกตามผิวหนังปนกับครีมกันแดด ทำให้เสื้อผ้าโดยเฉพาะเสื้อผ้าสีขาวนั้นมีคราบเหลืองได้
คำถามที่เราพบบ่อย
หากใช้ครีมกันแดด เกิดมีสิวขึ้น หมายความว่าเราแพ้ใช่หรือไม่?
ไม่เสมอไป เพราะการเกิดสิวอาจเกิดได้จากการอุดตัน หรือการระคายเคืองจากส่วนผสมที่อยู่ในครีมกันแดดได้ หรือเกิดจากการทำความสะอาดผิวที่ไม่เพียงพอ หรืออาจเกิดจากสภาพผิวของแต่ละบุคคล
หากไม่ทาครีมกันแดดมีผลเสียอะไรไหม?
หากไม่ทาครีมกันแดดนั้นมีผลเสียมากมายหลากหลายอย่าง ได้แก่ เกิดผิวไหม้แดด เกิดเป็นผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ ฝ้า กระ ริ้วรอยก่อนวัย จากการที่คอลลาเจนถูกทำลาย อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้
เป็นสิวต้องทากันแดดไหม?
หากเป็นสิวนั้นควรที่จะทากันแดด เพราะแสงแดดนั้นสามารถที่จะกระตุ้นให้สิวเกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น รวมถึงทำให้รอยดำจากสิวนั้นเป็นมากขึ้นเช่นกัน และควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีเนื้อที่บางเบา ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของผิว
อยู่บ้านไม่ทากันแดดได้ไหม?
หากอยู่บ้านก็จำเป็นที่ต้องทากันแดด เพราะรังสี UV นั้นสามารถทะลุกระจก สะท้อนเข้าผิวเราได้ รวมถึงแสงสีฟ้าจากหน้าจอโทรศัพท์ หรือคอมพิวเตอร์ ก็สามารถทำร้ายผิวเราได้
ครีมกันแดด ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญต่อผิว ช่วยป้องกันผิวจากแสงแดดตัวการที่ทำให้ผิวของเรานั้นหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัย อีกทั้งเกิดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้ เพราะฉะนั้นควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมที่เหมาะสม ใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม และถูกวิธีเพื่อป้องกันผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากสนใจผลิตหรือสร้างแบรนด์ครีมกันแดด สามารถปรึกษากับเรา โรงงานDermageneration มีบริการรับผลิตครีมกันแดด OEM ที่ได้มาตรฐานสากล บริการแบบครบวงจร ที่เริ่มตั้งแต่การคิดค้นสูตรด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัย มีการผลิตภายใต้มาตรฐานสากลอย่าง GMP และ ISO 22716 ติดต่อผลิตครีมกันแดดกับเรา โทร. 063 081 0630 หรือ Line : @dermageneration และFacebook : เดอร์มาเจเนอเรชั่น โรงงานรับผลิตครีม สกินแคร์ เครื่องสำอาง