มาตรฐาน ISO นับเป็นหนึ่งในมาตรฐานที่ในปัจจุบันธุรกิจ อุตสาหกรรม รวมถึงโรงงานการผลิตสินค้าต่าง ๆ ต่างแข่งขันกันในเรื่องของการมีคุณภาพ และมาตรฐานจนถือเป็นเรื่องปกติ เพราะธุรกิจนั้นต้องการการเจริญเติบโต ต้องการดึงดูดฐานลูกค้าให้มากที่สุด รวมถึงต้องการเป็นผู้นำ ในด้านการผลิต การบริการ
และการมีมาตรฐานรองรับเพื่อที่จะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภคได้ และมาตรฐาน ISO ถือเป็นมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกให้การยอมรับและสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับโรงงานนั้น ๆ ได้ โดยในบทความนี้ โรงงานผลิตครีม เดอร์มาเจเนอเรชั่น จะพามาทำความรู้จักกับมาตรฐาน ISO คืออะไร? มีประเภทอะไรบ้าง ทำไมควรต้องมีทุกโรงงาน
มาตรฐาน ISO คืออะไร?

มาตรฐาน ISO หรือที่ย่อมาจาก (International Organization for Standardization) เป็นองค์กรระหว่างประเทศด้านมาตรฐาน โดยการกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมในระดับสากล โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างมาตรฐานระหว่างประเทศให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และยังสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกองค์กร ทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หรือขนาดเล็ก ไม่ว่าจะผลิตสินค้าอะไร หรือให้บริการอะไรก็ตาม
มาตรฐาน ISO มีกี่ประเภท? ประเภทอะไรบ้าง

มาตรฐาน ISO นั้นมีมากมายหลากหลายประเภทตามแต่ละธุรกิจ ซึ่งแต่ละมาตรฐานจะมีหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป โดยจะมีชื่อขึ้นต้นด้วย ISO และตามด้วยตัวเลข โดยตัวเลขต่าง ๆ จะเป็นการแยกชนิดของมาตรฐาน โดยประเภทของ ISO ที่เราพบเห็นบ่อย คือ
- ISO 9000 เป็นมาตรฐานการจัดการระบบบริหารเพื่อประกันคุณภาพ ที่สามารถตรวจสอบได้ผ่านระบบเอกสาร
- ISO 9001 มาตรฐานที่เราคุ้นหู เป็นมาตรฐานระบบคุณภาพ โดยกำกับดูแลทั้งการผลิต การออกแบบ การติดตั้ง และการบริการ
- ISO 9002 เป็นมาตรฐานระบบคุณภาพ โดยกำกับดูแลเฉพาะการผลิต การติดตั้ง และการบริการ
- ISO 9003 เป็นมาตรฐานระบบคุณภาพ โดยกำกับดูแลเฉพาะการตรวจ และการทดสอบขั้นสุดท้าย
- ISO 9004 เป็นมาตรฐานแนวทางในการบริหารระบบคุณภาพเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยรายละเอียดของแต่ละธุรกิจจะแตกต่างกัน
- ISO 14000 เป็นมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมและระบบคุณภาพ มุ่งเน้นให้ธุรกิจมีการพัฒนาและปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้มีคุณภาพ
- ISO 18000 เป็นมาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
- ISO 22716 เป็นระบบการจัดการด้านสุขลักษณะที่ดีในการผลิตเครื่องสำอาง
ประเภทสมาชิกของมาตรฐาน ISO
สมาชิกของมาตรฐาน ISO นั้นมี 3 ประเภทหลัก ๆ คือ
- Member Body หรือสมาชิกสมบูรณ์
ประเภทนี้เป็นตัวแทนทางด้านมาตรฐานของประเทศ และแต่ละประเทศจะมีเพียงหน่วยงานเดียวที่ทำหน้าที่สมาชิก ISO - Correspondent Member หรือสมาชิกโต้ตอบ
โดยสมาชิกประเภทนี้เป็นหน่วยงานของประเทศที่ยังไม่มีการจัดตั้งหน่วยงานมาตรฐานเป็นการเฉพาะ หรือยังไม่มีกิจกรรมด้านมาตรฐานอย่างเต็มที่ - Subscriber Member
สมาชิกประเภทนี้จะเป็นหน่วยงานในประเทศที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจต่ำ สมาชิกจะจ่ายค่าบำรุงสมาชิกในอัตราที่ได้รับการลดหย่อน
ประโยชน์ของมาตรฐาน ISO มีอะไรบ้าง

การที่ธุรกิจ องค์กร อุตสาหกรรม หรือโรงงานผลิตสินค้าได้รับมาตรฐาน ISO นั้นนอกจากจะสามารถบ่งบอกถึงคุณภาพในการบริหารและการดำเนินการของธุรกิจได้แล้วนั้น มาตรฐาน ISO ยังมีประโยชน์ต่อส่วนต่าง ๆ ภายในธุรกิจหรือองค์กรนั้นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น
ประโยชน์ต่อองค์กรหรือบริษัท
- สามารถจัดการองค์กร การบริหารงาน ตลอดจนกระบวนการผลิตให้มีระบบ และมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากความผิดพลาดในการจัดการได้
- ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ ให้สามารถแข่งขันในตลาดได้
- สามารถทำให้ธุรกิจเป็นที่ยอมรับ ผลิตภัณฑ์และบริการเป็นที่พึงพอใจต่อลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ
- สามารถรับประกันประสิทธิภาพด้านการผลิต ควบคุมคุณภาพ การบริการ การจัดการเอกสาร หรือด้านกระบวนการทำงานทั้งหมด และสามารถปรับปรุงได้อย่างต่อเนื่องอยู่เสมอเพื่อให้ตรงตามมาตรฐาน
- สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กร สร้างความน่าเชื่อถือได้
ประโยชน์ต่อพนักงานในบริษัท/องค์กร
- พนักงานมีการทำงานเป็นระบบ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- พนักงานมีจิตสำนึกในเรื่องของคุณภาพมากขึ้น และมีวินัยในการทำงาน
- พนักงานสามารถพัฒนาตัวเองให้มีทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน พัฒนาการทำงาน และประสานงานที่ดี
ประโยชน์ต่อผู้บริโภค/ผู้ซื้อ
- ผู้บริโภคหรือผู้ซื้อมั่นใจและเชื่อถือได้ว่าผลิตภัณฑ์และบริการนั้นมีคุณภาพตามที่ต้องการ
- ผู้บริโภคหรือผู้ซื้อได้รับการคุ้มครองด้านคุณภาพและความปลอดภัยในการใช้งานหรือใช้สินค้านั้น ๆ
- ผู้บริโภคหรือผู้ซื้อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายโดยไม่ต้องทำการตรวจสอบคุณภาพซ้ำ
ขั้นตอนในการขอมาตรฐาน ISO

- ทำการเลือกมาตรฐานที่เหมาะสมกับธุรกิจหรือองค์กร โดยต้องดำเนินงานมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 เดือนจึงจะสามารถขอมาตรฐาน ISO ได้
- ทำการจัดหาผู้ตรวจสอบ ประเมินรับรองระบบมาตรฐานที่เหมาะสม
- ทำการหาผู้ช่วยในการจัดทำระบบ เพื่อช่วยการจัดทำระบบมาตรฐาน การพัฒนาและการฝึกอบรม
- เข้ารับการตรวจสอบประเมินขั้นตอนที่ 1 เพื่อให้ธุรกิจได้เข้าใจกระบวนการและให้คำแนะนำเพื่อที่ธุรกิจสามารถนำไปแก้ไข ปรับปรุงเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของแต่ละมาตรฐาน
- เข้าสู่การพัฒนาระบบการจัดการ ตามคำแนะนำจากผู้ตรวจประเมิน โดยระบบการจัดการคือชุดเอกสารที่สรุปกระบวนการทางธุรกิจ
- เข้ารับการตรวจประเมินขั้นตอนที่ 2 หลังจากที่ส่งชุดเอกสาร ผู้ตรวจประเมินเข้าประเมินอีกครั้ง หากตรงกับวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในการตรวจประเมินขั้นตอนที่ 1 และถูกต้องตามข้อกำหนดของมาตรฐานที่ทำการขอการรับรอง ก็จะถือว่าธุรกิจเราผ่านการรับรอง
ตัวอย่างมาตรฐาน ISO ในประเทศไทยที่พบเห็นบ่อย
มาตรฐาน ISO ในประเทศไทยที่เราพบเห็นบ่อย ๆ นั้นมีหลากหลายมาตรฐาน โดยจะครอบคลุมมาตรฐานของประเภทธุรกิจที่แตกต่างกัน โดยที่เราจะคุ้นชินกันคือ ISO 9000, ISO 9001, ISO 9002, ISO 9003, ISO 9004 ISO 14000 รวมถึงมาตรฐาน ISO 22716 ที่ครอบคลุมมาตรฐานของโรงงานรับผลิตเครื่องสำอาง
ในประเทศไทยของเราไม่ว่าจะธุรกิจ องค์กร อุตสาหกรรม รวมถึงโรงงานผลิตต่าง ๆ ก็ต่างต้องมีการรับรองมาตรฐาน ISO โดยเฉพาะ โรงงานรับผลิตสินค้า อย่างโรงงานผลิตเครื่องสำอาง สกินแคร์ต่าง ๆ ที่ควรต้องมีมาตรฐาน ISO รองรับเน้นการผลิตที่มีคุณภาพและความปลอดภัยเพราะเครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับคนโดยตรง จึงจำเป็นต้องมีความใส่ใจอย่างละเอียดในทุกกระบวนการตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตตลอดจนผลิตภัณฑ์ถึงมือผู้บริโภค
สรุป
มาตรฐาน ISO เป็นมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมในระดับสากล โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างมาตรฐานระหว่างประเทศให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพราะฉะนั้นการสร้างแบรนด์สินค้า หรือการผลิตสินค้าของเรานั้น การเลือกผลิตกับโรงงานที่มีมาตรฐานสากลอย่าง ISO ถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เพื่อผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เราที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ในทุกขั้นตอน
หากสนใจสร้างแบรนด์ ผลิตครีม ผลิตเครื่องสำอางเป็นของตัวเอง สามารถปรึกษา Dermageneration โรงงานรับผลิตครีม OEM ODM ครบวงจร ที่มีมาตรฐานให้คุณมั่นใจในคุณภาพ และความปลอดภัยในการผลิตของผลิตภัณฑ์ในทุกขั้นตอน อีกทั้งพร้อมดูแลคุณแบบครบวงจร
แหล่งข้อมูลอ่างอิง
iso. ISO – Standards
https://www.iso.org/standards.html