Clean Beauty เทรนด์ใหม่มาแรงที่ผู้ประกอบการควรรู้

Clean Beauty เทรนด์ใหม่มาแรงที่ผู้ประกอบการควรรู้

Clean Beauty เป็นเทรนด์ใหม่สำหรับคนไทย ซึ่งในต่างประเทศมีมานานแล้ว คำว่า Natural Beauty Organic Beauty หรือ Green Beauty อาจเคยได้ยินมากันบ้าง แต่ Clean Beauty บางคนอาจไม่เคยได้ยินเสียด้วยซ้ำ แล้ว Clean Beauty คืออะไร ? มีลักษณะเป็นยังไง ? สามารถติดตามได้ที่บทความนี้เลย

Clean Beauty คืออะไร

Clean Beauty

Clean Beauty เป็นเทรนด์เครื่องสำอางหรือสกินแคร์แบบใหม่ หลายคนอาจเคยได้ยิน Pure Beauty ,Natural Beauty หรือ Organic Beauty มาบ้างแล้ว โดย Clean Beauty เป็นเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ บรรจุภัณฑ์สามารถนำมารีไซเคิลได้ รวมไปถึงการไม่ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์กับสัตว์ หรือ Cruelty Free

ส่วนประกอบในการผลิตจะต้องปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิว, อันตรายต่อสุขภาพ และที่สำคัญต้องไม่เป็นอันตรายต่อโลก ส่วนประกอบต้องมีประสิทธิภาพและมีความจำเป็นต่อผิวผู้ใช้เท่านั้น นอกจากวัตถุดิบในการผลิตสินค้าที่ต้องมีความสะอาด ปลอดภัยแล้ว ขั้นตอนการผลิตก็ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย ไม่มีการปล่อยของเสียลงแม่น้ำ ไม่มีการปล่อยควันจากโรงงาน และบรรจุภัณฑ์จะต้องสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้อีกด้วย

การติดฉลากที่เห็นส่วนประกอบจะต้องชัดเจนว่าผลิตมาจากอะไรบ้าง ไร้สารเคมีที่อันตราย เช่น พาราเบน หรือ สารกันเสีย ที่มักพบเยอะในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ใช้มีโอกาสการเกิดโรคมะเร็ง สารตะกั่วเป็นอีกหนึ่งสารเคมีที่พบในลิปสติก และ สารมิเนอรัล ทัลค์ ที่พบในแป้งฝุ่นและอายแชโดว์

ดังนั้น Clean Beauty จะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่วนประกอบปลอดภัยสามารถตรวจสอบที่มาได้, ฉลากมีข้อมูลบอกถึงข้อมูลที่ครบถ้วน, กระบวนการผลิตต้องปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์นำกลับมารีไซเคิลได้ และ ไม่ทำการทดสอบผลิตภัณฑ์กับสัตว์

Clean Beauty ต้องมีลักษณะอย่างไร

Clean Beauty ต้องมีลักษณะอย่างไร

ไม่ใช้สารเคมีที่อันตรายเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางและสกินแคร์

การอ่านฉลากบนผลิตภัณฑ์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะฉลากจะบอกถึงส่วนผสมของเครื่องสำอางว่าผลิตมาจากอะไรบ้าง แบ่งเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ หากพบว่าบนฉลากมีสารที่อันตรายกำกับไว้อยู่ ควรหลีกเลี่ยง เพื่อความปลอดภัยของคนใช้เอง ซึ่งสารเคมีที่อันตรายในผลิตภัณฑ์ความงาม มีดังนี้

1. สารปรอท

สารปรอท (Mercury) พบมากในเครื่องสำอางและสกินแคร์ที่นำมาใช้ในการทำให้ผิวขาวไว ลดฝ้า กระ และลดสิวได้อย่างรวดเร็ว โดย 20 % ของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจะมีส่วนผสมของสารปรอทสูง ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวและร่างกาย สารปรอทถูกจัดอยู่ในกลุ่มสารต้องห้ามในการใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ตามประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข หากมีการใช้ไปบางแล้ว เมื่อหยุดใช้ผิวจะคล้ำลงกว่าเดิม อาจเกิดอาการแพ้ ผิวบางลง เกิดฝ้าหรือกระแบบถาวร และถ้าใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ปรอทอาจจะซึมเข้าสู่ร่างกายเข้าไปยังกระแสเลือด ไปทำลายการทำงานของตับและไต เกิดโรคโลหิตจาง หากเป็นสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ มีโอกาสที่สารปรอทจะถูกส่งไปยังทารกในห้อง ทำให้เด็กมีภาวะพิการทางสมองได้

2. สารไฮรโดรควิโนน

สารไฮรโดรควิโนน

สารไฮรโดรควิโนน (Hydroquinone) มีคุณสมบัติในการช่วยฟอกสีผิว ยับยั้งกระบวนการทางเคมีของการสร้างเซลล์เม็ดสี โดยจะเข้าไปยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ที่มีหน้าที่สร้างเม็ดสีเมาลานิน เมื่อถูกยับยั้งการทำงาน ผิวจะขาวขึ้น ฝ้าจางลง มักพบในผลิตภัณฑ์ที่ลดฝ้า สารไฮรโดรควิโนนได้ถูกห้ามใช้เป็นส่วนผมในการผลิตสินค้าความงาม เพราะหากใช้ต่อเนื่อง จะมีการระคายเคือง รู้สึกแสบร้อน มีตุ่มแดงขึ้น สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวบางไวต่อแสงแดด และที่สำคัญมีโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย

3. สารสเตียรอยด์

สารสเตียรอยด์ (Steroids) พบบ่อยในผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวดูขาวใส ช่วยให้สิวหายได้เร็ว หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสเตียรอยด์ที่มีความเข้มข้นสูง ใช้ผิดวิธี หรือใช้เป็นเวลาต่อเนื่อง จะทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายทั้งภายนอกและภายใน เช่น ผื่นขึ้นง่าย ผิวแตกเป็นรอยแดง เมื่อหยุดใช้สิวจะกลับมาขึ้นเยอะมากกว่าเดิม หากผู้ที่เป็นโรคเบาหวานใช้สารนี้ จะทำให้ไม่สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ เกิดการกดภูมิจนทำให้ร่างกายอ่อนแอลง

4. สารตะกั่ว

สารตะกั่ว (Lead) มักพบในเครื่องสำอางประเภท ลิปสติก สารตะกั่วถูกจัดอยู่ในสารอันตราย เพราะเมื่อตะกั่วซึมเข้าสู่ร่างกาย จะเกิดอาการปวดท้องแบบไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เกิดการท้องผูกหรือถ่ายเป็นเลือดได้ เนื่องจากเม็ดเลือดแดงถูกทำลายลงในเวลารวดเร็ว อัตราการสร้างเม็ดเลือดแดงก็ลดลง หากร่างกายได้รับสารตะกั่วมากเกินไปจะทำให้ระบบประสาทในร่างกายทำงานผิดปกติ

5. กรดเรติโนอิก

กรดเรติโนอิก (Retinoic Acid) หรือ กรดวิตามินเอ หรือ เรตินอล เป็นกรดที่ส่งผลต่อกระบวนการสร้างเม็ดสี กระตุ้นการผลัดเซลล์ของผิว ป้องกันการเกิดสิวอุดตัน ดังนั้นการใช้กรดเรติโนอิกต้องขึ้นทะเบียนเป็นยาเท่านั้น หากนำมาใช้ในการผลิตเครื่องสำอางและสกินแคร์ นับว่าเป็นสารอันตรายทั้งสิ้น มักพบในยารักษาสิว ครีมผลัดเซลล์ผิว หากใช้เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาจทำให้เกิดการผิวลอกหรือเป็นผื่นแดงได้

6. สารโซเดียมซัลเฟต

สารโซเดียมซัลเฟต (Sodium Lauryl Sulphate) พบได้บ่อยในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดร่างกาย เช่น สบู่ แชมพูสระผม และยาสีฟัน สารดังกล่าวสามารถแทรกซึมสู่ผิวชั้นในได้ ทำให้ผิวบางลง แพ้สารอื่น ๆ ได้ง่าย

7. สาร PVP

สาร PVP

สาร PVP (Polyvinyl Pyrrolidone) พบในสเปรย์จัดแต่งทรงผม จำพวกมูสและเจล เป็นต้น สาร PVP มีคุณสมบัติในการเป็นตัวทำละลาย ซึมเข้าสู่ร่างกายได้โดยการสูดดมและซึมเข้าทางผิวหนัง ทำให้เกิดอาการผมร่วง รูขุมขนอุดตัน บางรายอาจมีอาการแพ้จนอักเสบบริเวณหน้าผาก คอ และบริเวณข้างหู

8. แป้งทัลคัม

แป้งทัลคัม (Talcum) เป็นแป้งที่ผสมด้วยทัลคัมหรือแร่ใยหิน พบมากในแป้งฝุ่น อายแชโดว์และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น เมื่อสูดดมเข้าสู่ร่างกาย มีโอกาสเกิดโรคมะเร็งปอดและมะเร็งต่อมหมวกไต ในกลุ่มผู้หญิงที่มีการใช้แป้งฝุ่นที่ผสมทัลคัมจะมีโอกาสเกิดมะเร็งรังไข่ได้ 30–60%

9. สารพาราเบน

สารพาราเบน (Paraben) เป็นสารกันเสียประเภทหนึ่ง ใช้กันอย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย สกินแคร์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผม พาราเบนมีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อราและแบคทีเรียที่มีโอกาสเกิดในผลิตภัณฑ์ได้สูง และยังช่วยยับยั้งสิ่งสกปรกได้ดี แต่จะเกิดการสะสมของสารในร่างกาย และจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้เร็ว ปัจจุบันยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า พาราเบนอาจจะกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งเต้านม

เพราะฉะนั้นเมื่ออ่านฉลากแล้วพบสารเหล่านี้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ความงาม ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานทันที เนื่องจากเป็นอันตรายต่อผิวและร่างกาย ที่มีโอกาสก่อตัวเป็นโรคมะเร็งได้ โดยฉลากต้องระบุส่วนผสมไว้อย่างชัดเจน
และควรใส่ส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ต่อผิวโดยตรง ใส่เท่าที่จำเป็นจริงกับผิวจริง ๆ

Cruelty Free หรือ Not Tested On Animal

Cruelty Free หรือ Not Tested On Animal

Animal Testing เป็นการทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์กับสัตว์ ก่อนนำไปจำหน่ายให้แก่คนทั่วไป โดยจุดประสงค์คือเพิ่มความมั่นใจว่าใช้ผลิตภัณฑ์นี้แล้วจะปลอดภัยกับผิวหนังของมนุษย์ ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกายมนุษย์โดยตรง เช่น เครื่องสำอาง สกินแคร์ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว รวมไปถึงยารักษาโรค โดยจะทดสอบด้วยกันทั้งหมด 4 อย่าง ดังนี้

  1. ทดสอบการระคายเคืองต่อผิว
  2. ทดสอบความเป็นพิษเมื่อเผชิญแสง
  3. ทดสอบการระคายเคืองต่อดวงตา
  4. ทดสอบความสามารถในการซึมซับสู่ผิวหนัง

สัตว์ที่มักนิยมมาใช้ในการทดสอบจะเป็นสัตว์ขนาดเล็ก เช่น หนูตะเภา, หนูขาว, สุนัข, แมว และกระต่าย เป็นต้น ในการทดสอบเครื่องสำอางหรือสกินแคร์จะนิยมใช้กระต่ายในการทดสอบ เนื่องจากกระต่ายมีผิวที่สามารถตอบสนองได้ไวกว่าสัตว์ชนิดอื่นและมีผิวหนังใกล้เคียงกับมนุษย์ที่สุด

ซึ่งการที่จะเป็นผลิตภัณฑ์ Clean Beauty จะต้องไม่ทำการทดลองกับสัตว์เลย สามารถสังเกตได้จากสัญลักษณ์ Cruelty Free หรือ Not Tested On Animal ที่บรรจุภัณฑ์ของสินค้า ปัจจุบันมีหลากหลายแบรนด์มากที่ได้รับรองจากองค์การพิทักษ์สัตว์ (People for the Ethical Treatment of Animal : PETA) ว่าผลิตภัณฑ์ไม่มีการทดลองกับสัตว์

Eco-Friendly

ปัจจุบันนี้บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ความงามสร้างปริมาณขยะถึง 120 พันล้านหน่วยต่อปี Eco-Friendly จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของ Clean Beauty โดยบรรจุภัณฑ์จะต้องปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม สามารถรีฟิลได้ นำมารีไซเคิลได้ หรือสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

สรุป

Clean Beauty เป็นเทรนด์ความงามแบบใหม่ ที่ผลิตภัณฑ์จะต้องมีส่วนผสมที่ปลอดภัย ฉลากระบุถึงส่วนผสมที่ชัดเจนและครบถ้วน บรรจุภัณฑ์สามารถนำมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ และต้องไม่ทำการทดสอบผลิตภัณฑ์กับสัตว์ทุกชนิด ไม่ว่า Clean Beauty จะเป็นเทรนด์ที่มาเร็วไปเร็วหรือไม่ แต่การที่เราใช้เครื่องสำอางที่สะอาด ไม่มีสารพิษ ก็เป็นเรื่องดีกับผู้ใช้อยู่แล้ว อีกทั้งยังช่วยเล็งเห็นความสำคัญกับการอ่านฉลากสินค้า และยังส่งเสริมการรีไซเคิลขยะอีกด้วย ที่สำคัญคือช่วยบีบให้แบรนด์สินค้าต่าง ๆ เลิกทดลองกับสัตว์ ซึ่งเป็นสิ่งที่รับไม่ได้อย่างยิ่งในโลกปัจจุบันนี้ เพื่อให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกทั้งสัตว์ ต้นไม้ รวมไปถึงมนุษย์เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สำหรับผู้ที่ต้องการมีแบรนด์สินค้าความงามภายใต้เทรนด์ Clean Beauty ทาง เดอร์มาเจเนอเรชั่น มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการผลิตเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ตามที่ท่านต้องการ โดยเราจะช่วยให้ข้อมูลและดำเนินการผลิตตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงการจัดจำหน่าย ผลิตโดยใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยภายใต้มาตรฐานสากลที่คุณสามารถไว้วางใจได้ว่าสินค้าที่ผลิตออกมาจะตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ